เคล็ดลับปลูกแตงกวา ให้ผลผลิตดี ทรงสวย เกรดเอ เก็บขายได้หลายมีด

“แตงกวา” เป็นพืชผักที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจ นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในรูปแบบผลสดและนำไปแปรรูป ตลอดจนปัจจุบันมีการนำไปใช้ในการทางการแพทย์ เครื่องสำอาง และยารักษาโรค (สำนักงานเกษตรและสหกรณ์, 2563) จึงนับว่าแตงกวาเป็นพืชในความสนใจของเกษตรกร เนื่องจากเป็นพืชอายุสั้น บางสายพันธุ์ใช้เวลาในการปลูกเพียง 30–35 วัน ก็เริ่มเก็บผลผลิตมีดแรกและออกผลผลิตต่อเนื่อง ดังนั้นควรใส่ใจในขั้นตอนการเพาะปลูก ตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์ ตลอดจนการดูแลและบำรุงให้เหมาะกับระยะการเจริญเติบโตของพืช เพื่อให้ได้แตงกวาเกรดเอ เก็บขายต่อเนื่องได้หลายมีด สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกตลอดทั้งปี

เลือกสายพันธุ์แตงกวาที่ใช่ ได้ผลผลิตดี ตามที่ตลาดต้องการ

แตงกวา สายพันธุ์เบลล่า มีลักษณะเด่น คือ ต้นแข็งแรง เจริญเติบโตเร็ว ทนโรค ปลูกง่าย ปรับตัวได้ทุกสภาพดิน ทนทุกสภาพอากาศ อายุการเก็บเกี่ยว 32–35 วัน (หลังหยอดเมล็ดพันธุ์) นอกจากนี้ ลักษณะผลตรง ทรงกระบอก ผลสีเขียวสวย ความยาวผลประมาณ 12-13 เซนติเมตร ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 5-6 ตัน

แตงกวา สายพันธุ์ แบม แบม มีจุดเด่นที่ปลูกง่าย ต้นเจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูหนาว แนะนำปลูกช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ และยังให้ผลผลิตไว อายุการเก็บเกี่ยวสั้นเพียง 28-32 วัน (หลังหยอดเมล็ดพันธุ์) และยังให้ผลดก ติดผลตั้งแต่โคนต้น ส่วนผลเป็นทรงกระบอก สีเขียวเนียนสวย มีความยาวของผลอยู่ที่ 10-12 เซนติเมตร ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 5-6 ตัน

แตงกวา สายพันธุ์ เขียวมาลัย 2 มีลักษณะเด่นคือ ต้นแตกแขนงดี เหมาะกับอากาศร้อนและทนต่อโรคราน้ำค้างและไวรัส แนะนำปลูกช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม อายุการเก็บเกี่ยว 35 วัน (หลังหยอดเมล็ดพันธุ์) สามารถเก็บได้ต่อเนื่องยาวนาน ความยาวผลเฉลี่ย 12 เซนติเมตร ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 5-6 ตัน

สายพันธุ์แตงกวายอดนิยมที่ตลาดต้องการ

 ขั้นตอนการเตรียมแปลงปลูกแตงกวา 

ทำการไถดะ เพื่อพลิกหน้าดินและกำจัดวัชพืช จากนั้นตากดินเพื่อฆ่าเชื้อโรค ประมาณ 7-10 วัน
จากนั้นใส่ปุ๋ยคอก อัตรา 500–1,000 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-15-15 อัตรา 20-25 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับแคลซิแมค (สารเพิ่มประสิทธิภาพพืช) อัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อปรับสภาพดิน เพิ่มอินทรีย์วัตถุและธาตุอาหารในดิน
ทำการไถด้วยผาน 3 และผาน 7 เพื่อย่อยดินให้เล็กลง และขึ้นร่องแปลงปลูกความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ขนาดความกว้างของร่อง 1-1.2 เมตร เว้นระยะห่างระหว่างแถว 80-100 เซนติเมตร และเว้นระยะห่างระหว่างต้น ประมาณ 60 เซนติเมตร
หลังจากนั้นวางสายนํ้าหยดตามความยาวแปลง และทำการทดสอบระบบน้ำก่อนคลุมพลาสติก
จากนั้นเตรียมทำค้างให้เสร็จภายใน 7-10 วันหลังจากย้ายต้นกล้าลงปลูก เพื่อให้ทันกับช่วงที่ต้นแตงกวาจะเลื้อยทอดยอด

ขั้นตอนการเตรียมแปลงปลูกแตงกวา

การเพาะต้นกล้า

การปลูกแตงกวานั้น สามารถปลูกได้ทั้งวิธีหยอดเมล็ดพันธุ์และการเพาะกล้า โดยการเพาะกล้าจะมีข้อดี คือ สามารถควบคุมจำนวนเมล็ดพันธุ์ ดูแลรักษาง่าย ต้นกล้ามีอัตราการเติบโตสม่ำเสมอ โดยการเพาะกล้าจะนิยมเพาะในถาดหลุด และรดน้ำต่อเนื่องทุก ๆ 2-3 เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 7-10 วัน จะเริ่มมีใบจริง และพร้อมที่จะย้ายลงแปลงปลูกต่อไป

การบำรุงแตงกวาในแต่ละระยะการเจริญเติบโต
เพื่อให้ได้ผลผลิตเกรดเอ เก็บขายได้ต่อเนื่อง

ระยะหลังย้ายกล้าลงแปลงปลูก (อายุ 7-10 วัน) แนะนำการบำรุงด้วย ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 25-7-7 บลู อัตรา 3-5 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับน้ำ 200 ลิตร ให้ผ่านทางระบบน้ำหยด โดยใส่ปุ๋ยวันเว้นวัน แต่ให้น้ำทุกวัน เพื่อให้ต้นแตงกวาเจริญเติบโตได้ดี

ระยะแตงกวาทอดยอด (อายุ 11-27 วัน) แนะนำบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-16 บลู อัตรา 3-5 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับน้ำ 200 ลิตร ให้ผ่านทางระบบน้ำหยด โดยใส่ปุ๋ยวันเว้นวัน แต่ให้น้ำทุกวัน เพื่อช่วยบำรุงรากและแขนงให้สมบูรณ์ ช่วยให้ต้นทอดยอดดี เดินยอดเร็ว

ระยะบำรุงขยายผล (อายุ 28-38 วัน) แนะนำบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 16-16-16 บลู อัตรา 3-5 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับน้ำ 200 ลิตร ให้ผ่านทางระบบน้ำหยด โดยใส่ปุ๋ยวันเว้นวัน ควบคู่ไปกับการให้น้ำทุกวัน จนถึงระยะเก็บเกี่ยว จะช่วยทำให้ผลแตงกวาได้รูปทรงสวย น้ำหนักดี เป็นเกรดเอสูง

การบำรุงหลังจากแตงกวาให้ผลผลิต 

       หลังจากเริ่มเก็บเกี่ยวแตงกวาไปแล้ว 1-2 มีด แนะนำบำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 15-9-20 หรือ บำรุงด้วยปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-24 บลู อัตรา 3-5 กิโลกรัมต่อไร่ ละลายน้ำ 200 ลิตร ให้ผ่านทางระบบน้ำหยด โดยใส่ปุ๋ยวันเว้นวัน แต่ให้น้ำทุกวัน เพื่อช่วยให้ต้นแตงกวาไม่โทรม สามารถให้ผลผลิตตัดขายได้ต่อเนื่องหลายมีด 